นักบัญชีแบบเดิมกับนักบัญชีในยุคดิจิทัลแตกต่างกันอย่างไร?
ในโลกที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้การทำงานของบางสายอาชีพเปลี่ยนแปลงไป ในยุคดิจิทัลเองเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายด้วยการเข้ามาของ ‘ Artificial Intelligence (AI)’ หรือเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จำลองความฉลาดของมนุษย์ในปัจจุบัน โดยการพัฒนาระบบอัจฉริยะที่มีความสามารถ ในการรับรู้ เรียนรู้ ใช้เหตุผล และตัดสินใจ รวมถึงสามารถตัวเลือกที่ดีสุดจากการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อใช้ผู้ใช้งานได้ผลลัพท์ที่ดีและตรงความต้องการ
เช่นเดียวกับนักบัญชี แม้จะเป็นสายงานที่เปลี่ยนแปลงไม่มากจากเดิม เพราะการทำบัญชียังต้องอาศัยการใช้กำลังของมนุษย์เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าไม่เปลี่ยนแปลงเลยเพราะ AI ได้เข้ามามีส่วนช่วยการทำงานของนักบัญชีให้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI เข้ามาช่วยในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูลที่ไม่ได้ซับซ้อน มาดูกันว่านักบัญชีเมื่อ 20 กว่าปีก่อน กับนักบัญชีดิจิทัลในตอนนี้มีความแตกต่างกนจริงหรือไม่?
นักบัญชีแบบเดิมและนักบัญชีดิจิทัลมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ทั้งคู่ทำงานที่คล้ายกัน เช่น การจัดทำบัญชี งบการเงิน การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน และการให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเงิน อย่างไรก็ตามในสายงานของนักบัญชีคนละเจน (Generations) ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ
ข้อแตกต่างหลักในช่วงของยุคดิจิทัลนี้ ประการหนึ่งคือนักบัญชีแบบดั้งเดิม มักทำงานกับบันทึกผ่านการใช้กระดาษ ในขณะที่นักบัญชีดิจิทัลใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปแล้วนักบัญชีดิจิทัลจะมีความเชี่ยวชาญมากกว่าในการใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ยิ่งในเจนใหม่ ๆ พวกเขามีศักยภาพในการเรียนรู้เทคโนโลยีมากกว่านักบัญชีในยุคก่อน ๆ พวกเขาจะหาซอฟต์แวร์ที่เข้ามาช่วยการทำงานให้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น ซอฟต์แวร์บัญชี ซอฟต์แวร์สเปรดชีต และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น
ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งคือนักบัญชีดิจิทัลอาจให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงและทำให้กระบวนการทางบัญชีเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์ทำงานเองตลอดเวลา ในขณะที่นักบัญชีแบบดั้งเดิมอาจพึ่งพากระบวนการแบบแมนนวลและระบบที่ใช้กระดาษมากกว่าทำให้นักบัญชียุคก่อน ๆ ต้องพึ่งตัวเองเป็นหลักและทำงานหนักมาก แต่นักบัญชีดิจิทัลอาจคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) และบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเริ่มนำมาใช้ในด้านการบัญชี ในส่วนนี้จะช่วยทำให้ขั้นตอนในการทำงานลดลง ทำให้นักบัญชีสามารถดฟกัสจุดสำคัญอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
โดยรวมแล้ว ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างนักบัญชีแบบดั้งเดิมและนักบัญชีดิจิทัล คือเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พวกเขาใช้ในการทำงาน ดังนั้นเราจะเห็นว่าบางสำนักบัญชีหรือบางบริษัทเริ่มมองหาเครื่องมือหรือเทคโนโลยีด้านบัญชีเพื่อนำมาช่วยในการทำงานภายในองค์ให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามนักบัญชีทั้งสองประเภทมีบทบาทสำคัญในการช่วยธุรกิจและองค์กรจัดการเรื่องการเงินอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเราจะมีเครื่องมือหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่สำหรับในสายงานบัญชีก็ยังต้องการมนุษย์ในการคิด วิเคราะห์และประมวลผลเพื่อความแม่นยำของข้อมูลอยู่ดี การมีเครื่องมือในยุคของนักบัญชีดิจิทัลก็สามารถอำนวยความสะวดกในการทำงานบางส่วนได้ ฉะนั้นในองค์กรยังต้องการนักบัญชีทั้งสองแบบ เพื่อให้การทำบัญชีมีประสิทธิภาพมากที่สุด
