สังคมไทยในยุคดิจิทัลนั้นได้ทำให้การดำเนินชีวิตและกิจกรรมในแต่ละวันของคนไทยได้เปลี่ยนไปจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่สู่สมาร์ทโฟนขนาดเล็ก สามารถทำงานได้ผ่านเทคโนโลยีที่มีความอัจฉริยะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนการดำเนินชีวิตของผู้คนเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีและความต้องการของลูกค้าตนเองจึงต้องปรับกิจกรรมทางการตลาดของธุรกิจให้เหมาะสมและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างถูกวิธี ดังนั้น Google จึงได้พัฒนาเครื่องมือที่มีชื่อว่า “Consumer Barometer” ร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ เพื่อเผยผลสำรวจหลังจากทำการเก็บข้อมูลผู้ใช้

            โดยเครื่องมือนี้จะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมถึงพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำทุกปีแด่นักการตลาด ทำให้นักการตลาดสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นถึงคนไทยใช้อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเท่าไหร่ รวมถึงเปรียบเทียบการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2017 และนี่คือข้อมูลที่น่าสนใจ

• ในปี พ.ศ. 2017 คนไทยให้ความสำคัญกับอินเทอร์เน็ตและทุกสิ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ โดย 57% เข้าใช้อินเทอร์เน็ตทุก ๆ วัน ซึ่งกลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีมีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงถึง 97% ทุก ๆ วัน
• ในปี พ.ศ. 2017 คนไทยใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 1% (จาก 70% ในปี พ.ศ. 2016 เป็น 71% ในปี พ.ศ. 2017)
• แม้ว่าจะมีคนไทยใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น แต่คนใช้คอมพิวเตอร์กลับลดลงเหลือเพียง 25% เท่านั้น
• คนไทยส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อจุดประสงค์ส่วนตัวมากถึง 63%
• คนไทยใช้อุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ในการสั่งซื้อของออนไลน์มากที่สุด
• คนไทยใช้เวลาในการเก็บข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลหลายชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจซื้อ
• คนไทยทำการซื้อบนเว็บไซต์ร้านค้าปลีกออนไลน์มากที่สุด รองลงมาคือเว็บไซต์สายการบินหรือจองตั๋วเครื่องบิน
• สิ่งที่สามารถกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภคได้คือ ส่วนลดหรือโปรโมชัน
• เมื่อพบปัญหาในการเข้าสู่เว็บไซต์ พวกเขามักจะแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์อื่นแต่ยังเข้าชมเว็บไซต์เดิม

Source : Consumer Barometer